วัสดุที่ใช้ในการเสริมหน้าอก : ถุงซิลิโคน ผิวเรียบ หรือ ผิวทราย ที่บรรจุด้วยซิลิโคนเจล
รูปทรงของซิลิโคน : ทรงกลม, ทรงหยดน้ำ
ทางนำเข้าซิลิโคน : รอบพับใต้ทรวงอก, รักแร้, ปานนม
วิธีการทำศัลยกรรมเสริมหน้าอก
วิสัญญีแพทย์มักจะวางยาสลบคนไข้ระหว่างการผ่าตัด
เพื่อให้คนไข้ไม่รู้สึกเจ็บหรือกังวล ใช้เวลาผ่าตัดประมาณ 1 – 2 ชั่วโมง
ศัลยแพทย์จะนำซิลิโคนเข้าทาง รอบพับใต้ทรวงอก หรือใต้รักแร้
หรือบริเวณปานนม จากนั้น
แพทย์จะสอดใส่วัสดุเสริมที่บรรจุซิลิโคนบนกล้ามเนื้อหน้าอก
หรือบริเวณใต้เนื้อหน้าอก ทำให้หน้าอกมีขนาดและรูปร่างที่สวยตามต้องการ
คนไข้สามารถกลับไปพักฟื้นที่บ้านได้เลยหลังการผ่าตัด
หรืออาจต้องพักรักษาตัวต่อในสถาบันภายใต้การดูแลของแพทย์และผู้เชี่ยวชาญ
ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับ ดุลยพินิจของแพทย์
ประโยชน์ของการทำศัลยกรรมเสริมหน้าอก
• แก้ไขปัญหาหน้าอกเล็ก หรือหน้าอกคล้อยหย่อน
โดยเฉพาะหลังจากการมีบุตรหลายคน
หน้าอกที่เคยเต่งดึงกลับเหี่ยวเล็กลงอย่างน่าใจหายแล้วละก็วิธีนี้จะช่วยให้
คุณกลับมามีทรวดทรงที่ดูดีขึ้นได้อีกครั้ง
• เพิ่มความมั่นใจ เสริมความภาคภูมิใจในตัวเอง
• เพิ่มความรู้สึกเป็นผู้หญิงที่มีรูปร่างดี
• ทรวงอกจะมีขนาดและรูปร่างที่สมดุลสวยงาม
• สามารถใส่เสื้อผ้าและชุดชั้นในได้อย่างสวยงาม หลากหลายตามต้องการมากยิ่งขึ้น
• แก้ไขขนาดและรูปร่างทรวงอกที่เปลี่ยนแปลงไปซึ่งมีสาเหตุมาจากการ ตั้งครรภ์ และน้ำหนักตัวที่ลดลง
• แก้ไขความผิดปกติของทรวงอกที่เป็นมาแต่กำเนิด
การพักฟื้นหลังการเสริมหน้าอก
• คนไข้สามารถกลับไปทำงานตามปกติได้ภายใน 2–3 วัน
• ศัลยแพทย์จะนัดมาตรวจหน้าอกและตัดไหมในอีกประมาณ 1 สัปดาห์
• คนไข้ควรหลีกเลี่ยงไม่ให้ หน้าอกแตะต้องและกระทบกับสิ่งใด (ยกเว้นยกทรง) เป็นเวลาประมาณ 3–4 สัปดาห์
• รอยแผลเป็นจะค่อยๆ จางและแบนราบลงในช่วงหลัง 3 เดือนถึง 2 ปีหลังการผ่าตัด ซึ่งระยะเวลาจะแตกต่างกันไปในคนไข้แต่ละราย
วิธีการดูแลหลังการผ่าตัดเสริมหน้าอก
• การนวดหน้าอก เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดหลังการเสริมหน้าอก
เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดพังผืดซึ่งจะทำให้หน้าอกแข็งตึง
คนไข้ควรหมั่นนวดคลึงหน้าอกเพราะจะยิ่งทำให้หน้าอกมีรูปทรงที่สวยงามยิ่ง
ขึ้น ควรนวดคลึงหน้าอกอย่างต่อเนื่องอย่างน้อย 6 เดือนถึง 1 ปี
• งดการยกสิ่งของหนักเหนือศีรษะเป็นเวลา 3-4 อาทิตย์
• งดกิจกรรมหนัก หรือใช้กำลังมากเป็นเวลา 1 เดือน
• ไม่ควรใส่ยกทรงที่มีโครงเหล็กช่วง 3 อาทิตย์แรก หลังการผ่าตัด
ขอบคุณข้อมูลจาก:http://women.mthai.com