รู้จักยัง วีแกนฟู๊ด (Vegan) ทางเลือกใหม่ของ คนรักสุขภาพ

>>>>>>>>>>>>>>>> 



รู้จักยัง วีแกนฟู๊ด (Vegan) ทางเลือกใหม่ของ คนรักสุขภาพ - เคล็ดลับ - ความงาม - สุขภาพ

Vegan (วีแกน) จัดเป็นมังสวิรัติประเภทที่เรียกได้ว่าเคร่งครัดกว่าการรับประทานแบบ Veggie ซึ่งการรับประทานมังสวิรัติแบบ Veggie กลุ่มนี้จะไม่รับประทานเนื้อสัตว์ เน้นรับประทานพืชผักผลไม้ แต่ยังคงเลือกรับประทานนม เนย ชีส และไข่ได้ตามปกติ นอกจากจะเป็นกลุ่มที่ไม่บริโภคเนื้อสัตว์ เน้นรับประทานพืชผักผลไม้แล้ว กลุ่มนี้ยังต้องรับประทานอาหารที่ไม่เบียดเบียนสิ่งมีชีวิตใด ๆ ทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นการงดบริโภคนม เนย ชีส ไข่ ไม่เว้นแม้แต่ น้ำผึ้ง ยีสต์ และเจลาติน ซึ่งบางคนอาจเคร่งครัดชนิดที่ว่าไม่สวมใส่เสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋า และใช้เครื่องสําอางที่ทํามาจากสัตว์ หรือทดลองจากสัตว์อีกด้วย

 

นอกจากการรับประทานแบบ Vegan จะได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว ยังมีคนบางกลุ่มใช้หลักการรับประทานแบบ Vegan เพื่อเป็นทางเลือกของการลดน้ำหนัก โดยไม่จําเป็นต้องมานับแคลอรีและอดอาหารใด ๆ ทั้งสิ้น หรือจะให้พูดง่าย ๆ ว่าเหตุผลของคนที่เลือกรับประทาน Vegan ในปัจจุบันส่วนใหญ่ก็เพื่อรักษาสุขภาพ และไม่ทําาร้ายสัตว์นั่นเอง

 

แต่หากใครที่อยากเริ่มหันมารับประทานมังสวิรัติแบบ Vegan บ้าง ก็ไม่ควรที่จะหักโหมชนิดที่ว่าพลิกมาเป็น Vegan ในทันที แต่ขอให้ลองเริ่มจากการงดเนื้อสัตว์แล้วค่อย ๆ เริ่มถือเว้นนม เนย และไข่เป็นบางวัน จากนั้นจึงเพิ่มวันไปเรื่อย ๆ อีกทั้งยังหลีกเลี่ยงอาหารที่เป็นเนื้อปลอม ซึ่งได้จากโปรตีนเกษตร แต่รับประทานเป็นเต้าหู้โดยตรงจะดีกว่า และเมื่อคุณต้องปรุงอาหารรับประทานเองลองปรับเปลี่ยนส่วนผสมและวัตถุดิบให้เป็นแบบ Vegan เพื่อให้สามารถทําารับประทานเองได้ในทุกมื้อ


รู้จักยัง วีแกนฟู๊ด (Vegan) ทางเลือกใหม่ของ คนรักสุขภาพ - เคล็ดลับ - ความงาม - สุขภาพ

และสิ่งที่ควรคํานึงคือชาววีแกนฟู๊ด ไม่ได้รับประทานเพียงผักผลไม้เพียงอย่างเดียว เพราะเมนูอาหารของชาว Vegan ส่วนใหญก็มักมีเต้าหู้ ถั่ว ข้าวกล้องเป็นส่วนประกอบทั้งนั้น และด้วยความที่การรับประทานมังสวิรัติต้องเป็นไปอย่างเคร่งครัด จึงทําให้หลายคนอาจเกิดคําาถามถึงเรื่องโภชนาการอาหารที่จะได้นั้น อาจจะทําให้คนกลุ่มนี้เป็นโรคขาดสารอาหารได้หรือเปล่า แต่ที่จริงแล้วสารอาหารที่จําเป็นต้องได้รับจากเนื้อสัตว์ นม เนย ชีส หรือแม้แต่ในไข่นั้น สามารถหาชดเชยได้จากแหล่งพืชผักผลไม้เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นโปรตีน ส่วนใหญ่ในกลุ่มผักที่เป็นเมล็ด ซึ่งเป็นโปรตีนประเภทกรดอะมิโนที่จําเป็นได้แก่ ถั่วลูปิน ถั่วเหลือง เมล็ดเจีย ผักโขม เมล็ดฟักทอง เมล็ดโซบะ สาหร่ายเกลียวทอง ถั่วพิสตาชิโอ และคีนัว เป็นต้น ธาตุเหล็ก ได้แก่ ถั่วสีดำ เมล็ดมะม่วงหิมพานต์ บรอกโคลี ข้าวโอ๊ต กะหล่ำปลี ผักกาดหอม เมล็ดทานตะวัน น้ำมะเขือเทศ กากน้ำตาล โหระพา และขนมปังข้าวสาลี เป็นต้น

 

กรดไขมัน ที่จัดว่าเป็นพืชที่มีโอเมก้า 3 ได้แก่ ถั่วเหลือง วอลนัท ถั่วแระ เมล็ดแฟลกซ์ หรือน้ำมัน-เมล็ดแฟลกซ์ น้ำมันคาโนลา และผักโขม เป็นต้นอาหารจากพืชที่มีแคลเซียมส่วนใหญ่ประกอบไปด้วย พืชเมล็ด ผักใบเขียว และเต้าหู้ ได้แก่งาดำ ถั่วเหลือง ถั่วแดงหลวง เม็ดบัว กระเจี๊ยบ มะเดื่อแห้ง อัลมอนด์ ถั่วแระ ผักโขม ผักคะน้ํา ผักชีฝรั่ง ผักชีลําว เป็นต้น ส่วนผักในบ้านเราที่พบว่ามีแคลเซียมอยู่มาก ได้แก่ ใบชะพลู ใบยอ ยอดแค ยอดสะเดา ผักคะน้า ผักแพว สําหรับวิตามิน D นอกจากเราจะได้รับจากแสงแดดแล้ว การได้รับจากอาหารก็ถือเป็นเรื่องที่จําเป็นเช่นกัน ซึ่งเราสามารถพบได้ในเห็ดบางชนิด และนมถั่วเหลืองที่มีการเติมวิตามิน D ลงไปด้วยนั่นเอง


รู้จักยัง วีแกนฟู๊ด (Vegan) ทางเลือกใหม่ของ คนรักสุขภาพ - เคล็ดลับ - ความงาม - สุขภาพ

นอกจากนี้สารอาหารอีกหนึ่งกลุ่มก็คือวิตามิน B 12 ที่อาจหาได้ยากในพืชผักผลไม้ แต่มักพบมากในนมและไข่ จึงทําให้ชาว Vegan มักขาดวิตามิน B 12 จนกลายเป็นโรคโลหิตจางและเส้นประสาทเสียหาย จึงอยากจะแนะนําให้ลองหาอาหารเสริมหรือวิตามินเสริมมารับประทานควบคู่ไปด้วย เพื่อเป็นการไม่ทําาให้ร่างกายขาดสารอาหาร แต่สําาหรับบุคคลที่ตั้งครรภ์ ถ้าเกรงว่าจะได้รับสารอาหารไม่พอเพียงก็ควรรับประทานนมและไข่ด้วย สําาหรับเด็กอ่อน เด็กเล็ก วัยรุ่น หญิงมีครรภ์ และหญิงให้นมบุตร จําาเป็นที่จะต้องได้รับนมและไข่เสริมจึงจะได้รับสารอาหารเพียงพอและมีการเจริญเติบโตได้ดี และควรระวังของการทําาอาหารประเภท Vegan อีกหนึ่งอย่างที่ควรระวัง คือ การปรุงอาหารที่ดีไม่ควรใช้ความร้อนเกิน 48 องศาเซลเซียส เนื่องจากอาหารที่ผ่านความร้อนมาก ๆ จะมีทําาให้คุณค่าทางโภชนาการลดลงด้วยนั่นเอง สําาหรับการรับประทานมังสวิรัติแบบ Vegan นอกจากจะช่วยให้เราได้รับอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายแล้ว การจะมีสุขภาพที่ดี ร่างกายแข็งแรง และอายุยืนแล้ว การออกกําาลังกายและผักผ่อนให้เพียงพอก็ยังถือเป็นสิ่งที่จําาเป็นเช่นกัน

 

ขอบคุณรูปภาพสวยๆจาก :  http://health.mthai.com/howto/health-care/13019.html