ไม่น่าเชื่อ !! ว่า ทานกล้วยแค่เพียง 2 ลูก ก่อนกินข้าว จะได้ประโยชน์มากมายมหาศาลขนาดนี้ !! - เคล็ดลับ - ไอเดีย - สุขภาพ - ความงาม


เริ่มจากมีงานวิจัยที่บอกว่า การรับประทานกล้วย แค่ 2 ลูก จะช่วยเพิ่มพลังงานในร่างกายของเราได้เท่ากับการออกกำลังกายถึง 90 นาทีเลยที่เดียว หูวววสุดยอดมากๆ! นอกจากกล้วยให้พลังงานต่อร่างกายแล้ว กล้วยยังสามารถบรรเทาอาการต่างที่เกิดกับเราได้ด้วย อยากรู้กันแล้วล่ะสิว่ามีอาการอะไรบ้าง

 

1.อาการซึมเศร้า

อาการนี้หลายๆคนคงเคยเป็นกันใช่ไหมล่ะคะ อกหัก รักคุด ตุ๊ดยังเมินอีก เห้ออ แค่ไม่ต้องกลัวอาการนี้จะไม่ได้อยู่กับเรานานๆแน่นอน นอกจากที่เราไปหากิจกรรมคลายเครียดแล้ว เรายังมีกล้วยที่ช่วยพวกคุณได้ ก็คือกล้วยมีโปรตีนชนิดหนึ่งที่ช่วยผลิตฮอร์โมนแห่งความสุข ถ้าพวกคุณเกิดอาการนี้เมื่อไหร่แนะนำให้กินกล้วยเลยเพราะจะช่วยให้คุณผ่อนคลายอารมณ์ได้ดีขึ้น

 

2.โรคโรหิตจาง

สำหรับใครที่เป็นโรคนี้หรือคนที่คุณรู้จักเป็นล่ะก็ แนะนำให้เขามาบทความนี้เลยนะคะ เพราะว่าโรคโลหิตจากสามารถรักษาได้ด้วยวิธีง่ายๆแค่ ปลอกกล้วยเข้าปากแค่นั้น เพราะในกล้วยมีธาตุเหล็กสูงซึ่งช่วยในการผลิตฮีโมโกลบินในเลือดทำให้เลือดของคุณไม่จาง และยังช่วยรักษาผู้ที่อยู่ในภาวะขาดกำลังอีกด้วย

 

3.ความดันโลหิตสูง

ความเครียดจะส่งผลให้เกิดโรคนี้ได้นะคะ ถ้าไม่อยากเป็นโรคนี้หล่ะก็ควรหากิจกรรมที่ทำแล้วผ่อนคลาย เช่น ฟังเพลง อ่านหนังสือเล่มโปรด หรือมารับประทานกล้วย เพราะกล้วยมีโพแทสเซียมสูงจะช่วยปรับอัตราการเต้นของหัวใจและส่งออกซิเจนไปเลี้ยงสมอง เมื่อเราอยู่ภายใต้การกดดันจากสถานการณ์ต่างๆแล้วจะทำให้การเผาผลาญอาหารสูงขึ้นด้วย สรุปคือกล้วยมีส่วนในการรักษาโรคความดันโลหิตสูงและยังช่วยรักษาอาการเส้นเลือดฝอยอีกด้วย

 

4.ช่วยเพิ่มพลังให้กับสมองของคุณ

ข้อนี้ควรเรียกน้องๆที่กำลังเรียนให้หยุดอ่านหนังสือสักแป๊ปนึงแล้วมาอ่านบทความนี้ก่อน แล้วน้องๆจะได้รู้ความจริงบางอย่าง เริ่มที่ในประเทศอังกฤษ มีนักเรียน 200 คนที่อยากจะเพิ่มพลังสมองก่อนสอบ พวกเขาเริ่มการเพิ่มพลังดังนี้ พวกเขากินกล้วยในปริมาณที่เหมาะสมในมื้ออาหารหลักทุกมื้อ ซึ่งการวิจัยแสดงให้เห็นว่ากล้วยสามารถเพิ่มพลังสมองให้กับนักเรียนแล้วยังส่งผลให้นักเรียนมีความตั้งใจในการเรียนอีกด้วย นั่นเป็นเพราะ ในกล้วยมีโพแทสเซียมที่สูงนั่นเอง

 

5.ท้องผูก

อาการนี้หลายๆคนเคยเป็นหรือกำลังเป็นอยู่แน่เลย เนื่องจากปัจจุบันการทำงานของเราค่อนข้างเร่งรีบและการแข่งขันสูงทำให้เราต้องตื่นเช้าเพื่อเลี่ยงรถติดและเพื่อไปให้ทันเข้างานอาการนี้อาจเกิดแน่ถ้าคุณไม่ฝึกขับถ่ายตั้งแต่เด็กๆ แต่มันจะไม่ปัญหาอีกต่อไปแล้วเพราะเรามีกล้วยช่วยให้คุณท้องไม่ผูกอีกต่อไปเพราะกล้วยมีเส้นใยและกากอาหารซึ่งช่วยให้การขับถ่ายของคุณเป็นปกติ

 

6.อาการหงุดหงิดยามเช้า

แหม่อาการนี้เป็นกันแทบทุกคนเลยถ้าคุณต้องตื่นเช้ามากๆ หรือการจราจรติดขัดในช่วงเช้า เรามีวิธีช่วยให้คุณมีอารมณ์ที่ยิ้มรับกับปัญหาดังนี้ ก็คือหลังอาหารเช้าก่อนอาหารกลางวันให้คุณรับประทานกล้วยไปเลย เพราะกล้วยสามารถช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้

 

7.อาการคันที่เกิดจากยุง

นอกจากผลของกล้วยที่มีประโยชน์แล้วรู้หรือไม่ว่า? เปลือกกล้วยก็มีประโยชน์เช่นกันในการลดอาการคันจากยุงกัด ได้อย่างไร? เราก็จะใช้ด้านในของเปลือกกล้วยทาบริเวณที่ถูกยุงกัดก็จะช่วยลดอาการคันไปได้อีกด้วย

 

8.ความเครียด

คงงงกันสิว่าความเครียดเกี่ยวอะไรกับกล้วย? เกี่ยวสิคะ เพราะว่ากล้วยมีวิตามินบีสูงมาก ซึ่งช่วยในการผ่อนคลาย บรรเทาระบบประสาทของเราไม่ใช้เกิดอาการตึงเครียดได้ สุดยอดเลยใช่ไหมล่ะ

 

9.ผู้ที่เป็นแผลในลำไส้เรื้อรังหรือกระเพาะอักเสบ

หืมฟังโรคในหัวข้อนี้แล้วน่ากลัวจัง! แต่ไม่ต้องกลัวไปนะคะสำหรับคนที่เป็นโรคนี้ เรามีผลไม้ที่ช่วยในการลดการระคายเคืองของผนังลำไส้และกระเพาะอาหาร นั่นก็คือกล้วยนั่นเอง เพราะกล้วยมีสภาพเป็นกลางมีความนิ่มและมีเส้นใยอาหารสูงนั่นเอง

 

10.ช่วยความคุมอุณหภูมิในร่ากายให้เป็นปกติ

รู้กันไหมคะว่าประเทศต่างๆมีวัฒนธรรมที่ยกย่องให้กล้วยเป็นผลไม้ที่ช่วยในการควบคุมอุณหภูมิในร่างกายของเราให้เป็นปกติได้ ในเมื่อหลายๆประเทศบอกกันมาแบบนี้ เราก็คงต้องลองกินเพื่อควบคุมอุณหภูมิในร่างกายเราสักหน่อยแล้ว

 

11.โรคหลอดเลือดสมอง

นี่ก็เป็นอีกโรคแค่ได้ยินชื่อก็น่ากลัวมากๆแล้วใช่ไหมคะ ถ้าคุณไม่อยากเป็นเรามีวิธีการป้องกันง่ายๆ จากผลไม้ที่มีชื่อว่ากล้วย ก็คือให้เรากินกล้วยบ่อยๆ ซึ่งกล้วยสามารถช่วยลดโอกาสเสี่ยงที่จะเป็นโรคหลอดเลือดสมองได้ถึง 40 เปอร์เซ็น เลยที่เดียว สุดยอดมากๆ ถึงแม้ว่าจะไม่ถึง 50 แต่เปอร์เซ็นแต่เราก็มีโอกาสที่ไม่เป็นโรคนี้ได้นะคะ

เป็นยังไงกันบ้างคะ หลายคนคงอึ้งไปเลยใช่ไหมว่า กล้วยสามารถป้องกันและช่วยบรรเทาอาการต่างๆที่สามารถเกิดกับพวกเราได้มากมายขนาดนี้เลยหรอ อ่านเสร็จแล้วก็อย่าลืมกินกล้วยกันด้วยนะคะถ้าไม่อยากมีอาการเหล่านี้


ขอบคุณข้อมูลจาก: http://www.saraupdate.com/8026