งาน One-2-Call iD Showcase ครั้งล่าสุด จัดขึ้นภายใต้คอนเซ็ปต์ “ปะ..ปะ..ปะ” ที่แปลความหมายว่า แนวคิดการปะติดปะต่อผลงานสร้างสรรค์ของทั้งเหล่านิสิต นักศึกษา ที่มีไอเดียไม่เหมือนใคร เพื่อแสดงความเป็นตัวเอง จนใครๆ ต้องยกนิ้วให้


เราได้เห็นผลงานสร้างสรรค์ ซึ่งรวบรวมเอาผลงานดีๆ มีดีไซน์จากน้องๆ นักเรียน นักศึกษา จากสถาบันต่างๆ เช่น จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยศิลปากร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฎสวนดุสิต สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าลาดกระบัง เและอีกหลายสถาบัน มาร่วมออกร้านแสดงผลงานแน่นขนัดกว่า 70 ร้าน กลายเป็นแหล่งนัดพบของบรรดาคออินดี้ อินเทรนด์ ที่ชื่นชอบผลงานการออกแบบที่มีชิ้นเดียวในโลก และสามารถหาซื้อได้ที่นี่เพียงที่เดียว แถมเก๋ เริ่ด ไม่ซ้ำใคร

กวาดตามองไปทั่วงาน ก็ไปสะดุดตากับกระเป๋าหนังใส่พาสสปอร์ต ตัดๆ ปะๆ ไอเดียของน้องจูดิต-สุพัตรา เพชรศรี เธอบอกว่า วิธีการ คือต้องร่างชิ้นงานไว้ก่อน กะวัดขนาดของพาสสปอร์ต และก็ตัดได้เป็นแต่ละอัน หลังจากนั้นก็ทากาว เอามาเย็บติดกันต้องไล่ขั้นตอนก่อนว่าจะต้องเย็บอันไหนก่อน ใช้เวลาผลิตประมาณ 6 -8 ชั่วโมงต่อชิ้น เฉลี่ยชั่วโมงละ 2 ชิ้น ราคาชิ้นละ 550 บาท


“งานของเราจะต่างจากงานอื่นตรงที่นำของมาทำเอง เย็บกันสดๆ ให้เห็นเลย และสามารถสั่งสินค้าหรือออกแบบให้เห็นเดี๋ยวนั้น ถ้าจะออกแบบเองก็ได้ เลือกหนังก็ได้ ทำได้ทุกอย่าง หรือจะซ่อมสินค้ามาจากไหนก็ตามเรา ก็มีอุปกรณ์ช่วยซ่อมด้วย ซึ่งตอนนี้ก็สามารถต่อยอดได้แล้ว และก็มีลูกค้าสั่งทำไปขายเหมือนกัน” น้องจูดิต เล่าไปก็ปะๆ เย็บๆ ชิ้นงานไป

ผ่านหน้าร้านพวงกุญแจหุ่นยนต์แสนน่ารักของ น้องต๋อง-ศักดิ์สิทธิ์ พรมสูตร หนุ่มน้อยจากคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ ปีสุดท้าย เห็นวัยโจ๋ยืนเลือกพวงกุญแจกันแน่นร้าน เลยแวะเข้าไปคุยด้วย ซึ่งต๋อง บอกว่า อยากทำพวงกุญแจให้ดูแปลกใหม่ ในแนว Pop art ใช้วัสดุที่ทำจากไม้มาประกอบกัน แล้วเพ้นท์ด้วยสีอะครีลิค ที่มีสีสันสดใส ทำออกมา 2 แบบ หน้าตาเป็นหุ่นยนต์ที่มีหน้าตาน่ารัก หน้าสี่เหลี่ยมแบบหุ่นยนต์ไขลาน

“ เดี๋ยวนี้เด็กวัยรุ่นมีความคิดสร้างสรรค์มากขึ้น งานนี้เป็นประโยชน์มากครับ ผมได้ใช้ช่วงปิดเทอมขายพวงกุญแจ และจะต่อยอดจากงานนี้ด้วยการทำชิ้นใหญ่มากขึ้น เช่น นาฬิกา และตอนนี้ก็มีคนสนใจชิ้นงานของผมมาก ก็ปลื้มใจครับ”


สร้อยข้อมือและพวงกุญแจหนัง ไอเดียของสาวน้อยจากคณะมัณฑนศิลป์ ชั้นปีที่ 3 มหาวิทยาลัยศิลปากร น้องนัท-ณัฐศรัณย์ งามประภากร ก็น่าสนใจไม่แพ้กัน เธอบอกว่า งานที่ออกแบบ เป็นสื่อกลางแสดงให้เห็นถึงตัวตนของคน 2 คน ผ่านการสลักชื่อให้เป็นความทรงจำแห่งความรักลงบนแผ่นหนัง จากแรงบันดาลใจในโจทย์ของ theme ปะ ...ปะ...ปะ...ด้วยจุดเด่นที่เน้นการเขียนสดๆ สั่งตรงจากลูกค้า เราสามารถพิมพ์ชื่อที่ลูกค้าต้องการลงบนสินค้าได้ทันที และนำภาพที่เราชอบมาไว้บนชิ้นงานได้

“เป็นงานแกะกล่องที่เราคิดใหม่ ทำใหม่ งานนี้ทำให้เรามีประสบการณ์จากการเจอตัวตรงๆ กับลูกค้า ได้ทราบความต้องการของลูกค้าหลายๆ กลุ่มที่ต่างกันออกไป สิ่งที่เราจะนำไปต่อยอดน่าจะเป็นประสบการณ์มากกว่า เราจะนำสิ่งที่ได้ไปพัฒนา แล้วเปิดร้านที่มีแบรนด์เป็นของตัวเอง” น้องนัท เล่าอย่างอารมณ์ดี

ผลงานที่ขายดีไม่แพ้ใคร นั่นคือ สมุดโน้ตทำมือ ของ ณรงค์ชัย วงศ์บุญมาก กับทีมจากมหาวิทยาลัยราชภัฎธนบุรี ที่มีแนวคิดที่ไม่อยากลอกเลียนแบบใคร ต้องการเป็นตัวของตัวเอง ใช้กระดาษแข็งเป็นปก ลงสีขาวเป็นพื้นก่อน เมื่อเย็บเล่มเสร็จ ก็ระบายปกเป็นสีสันต่างๆ ด้วยการระบายบ้าง สลัดสีใส่บ้าง หรือขูดสี บ้าง ทำให้ผลงานออกมามีหลากหลายรูปแบบ ทั้งในแนว Pop Art สีสดๆ จัดจ้าน หรือทำให้ดูเก่าๆ คร่ำคร่า ก็ได้อารมณ์ไปอีกแบบ


กระเป๋าผ้าและแหวนหลากหลายสไตล์ของน้องพิ้งค์ – วราวรรณ ธีระพิจิตร จากมหาวิทยาลัยศิลปากร ที่แสวงหาความเป็นเอกลักษณ์ให้กับชิ้นงานได้อย่างน่าเอ็นดู เลือกเอาวัสดุที่หาได้ง่ายในท้องตลาดมาตัดเย็บ หยิบเอาดีไซน์มาผสานกับกระแสโลกร้อน ออกมาเป็นกระเป๋าผ้าฉบับพกพาสะดวก แถมด้วยไอเดียการออกแบบแหวนแฟชั่น เน้นความลงตัวอย่างเหลือเชื่อของอุปกรณ์ตัดเย็บเสื้อผ้า ทั้งกระดุม เส้นด้าย ไหมพรม ผ่านเทคนิคปะ-ติด-ต่อ ที่เจ้าตัวการันตีว่า เป็นเทคนิคส่วนบุคคล ไม่มีผู้ใดกล้าเลียนแบบอย่างแน่นอน

ศุกร์สิ้นเดือนเมษายน นี้ พื้นที่รอบสยามสแควร์ ซอย 3 จะมีคอนเซ็ปต์งานเก๋ๆ และชิ้นงานสร้างสรรค์ของเหล่าวัยโจ๋ มานั่งขายอีกเช่นเคย ใครที่ชอบสินค้าที่มีชิ้นเดียวในโลก ก็ไม่น่าพลาดงานนี้ ส่วนวัยใสที่สนใจจะเข้าร่วมกิจกรรม One-2-Call! iD Showcase ก็คลิกไปดูรายละเอียดข้อมูลได้ที่ www.one-2-call.ais.co.th หรือ AIS Call Center 1175

เห็นว่ากิจกรรมนี้จะมีทุกวันศุกร์สิ้นเดือน ไปจนถึงสิ้นปี 2551 แถมวันทูคอล ยังไม่เก็บค่าเช่าร้านด้วยนะจ๊ะ !!!